ชีวิตก่อนเป็นศิลปินแกรมมี่ เคยร้องเพลงตามงานวัด มีคนดู 5-10 คนก็ต้องเล่น วันที่โด่งดังสุดขีด มีงานจ้างวันละหลายงาน ก่อนเจอจุดต่ำสุดของชีวิต เครียดจนสุขภาพพัง
โด่งดังอีกครั้งกับ “คาเฟอีน” ผลงานเพลงล่าสุดที่แต่งเนื้อร้องเอง ลบคำดูถูกว่าฟลุกดัง
ผ่านร้อนหนาวในวงการบันเทิงมานานกว่า 10 ปีแล้ว สำหรับลูกทุ่งสาวสตรอง หญิงลี ศรีจุมพล ที่ในวันแรกโด่งดังเป็นพลุแตกจากอัลบั้มแรก “ขาขาวสาวลำซิ่ง” ที่มีเพลงฮิต “ขอใจเธอแลกเบอร์โทร” และ “หญิงลั้ลลา” จนมีงานต่างๆ เข้ามามากมาย แต่แล้วหลังจากนั้นอัลบั้มต่อมากลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าอัลบั้มแรก ท่ามกลางกระแสบูลลี่ที่โหมกระหน่ำ ทำให้เครียดหนักจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
แต่ชีวิตฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ เพราะเพลงล่าสุด “คาเฟอีน” ซึ่งเป็นผลงานเพลงที่เจ้าตัวแต่งขึ้น กลายเป็นเพลงฮิตในโลกโซเชียลอีกครั้ง บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ชวนหญิงลีย้อนวันวานกว่าจะมาเป็นศิลปิน เคยร้องเพลงตามงานวัด มีคนดู 5-10 คนก็ต้องเล่น ตลอดจนพูดถึงช่วงสูงสุดและต่ำสุดของชีวิต ก่อนจะประสบความสำเร็จอีกครั้งด้วยผลงานที่สร้างสรรค์ด้วยตัวเอง
เส้นทางศิลปิน
เราถามถึงช่วงก่อนที่จะกลายเป็นศิลปินชื่อดังในทุกวันนี้ว่าทำอะไรมาบ้าง นักร้องสาวเผยชีวิตในช่วงนั้นให้ฟังว่า “เส้นทางศิลปินของหญิงลีเหมือนนักกีฬาที่เขาได้แชมป์โลก ก่อนที่เขาจะได้แชมป์โลก เขาซ้อมมาตั้งแต่เด็ก หญิงลีก็ร้องเพลงตั้งแต่อายุ 14 ร้องเพลงทั่วไปตามโรงเรียน งานบุญ งานวัด งานจ้างทั่วไป ค่าตัว 300 500 1,000 จนมาทำหมอลำซิ่งก็ได้หมื่นกว่า ก็มีงานบ้าง ไม่มีบ้าง พออายุ 29 ถึงได้เซ็นสัญญากับแกรมมี่ และโด่งดังตอนอายุ 30 ปี ตอนนี้หญิงลีอายุ 39 ก็ 10 ปีพอดี”
ถามว่าเคยผ่านอะไรมาบ้างที่มองย้อนกลับไปแล้วคิดว่าตัวเองผ่านมาได้อย่างไร เจ้าตัวตอบทันที “มีเยอะแยะเลยค่ะ แม้แต่การเก็บตัว การเทสต์ ทดสอบกับครูเพลงก็หนัก แม้แต่การที่เราไม่ใช่มืออาชีพ อยู่ในห้องอัดเขาก็ให้เราร้องใหม่ เอาให้ได้สิ ร้องแบบนี้ๆ แล้วเราทำไม่ได้ เราก็ต้องมาร้องไห้นอกห้องอัด แล้วเราก็ต้องเข้าไปตั้งหลักร้องใหม่ ก็คืออัลบั้มที่มีเพลง “ขอใจเธอแลกเบอร์โทร” นี่แหละ อยู่ในช่วงอัด 1 อาทิตย์ 10 เพลง แต่ด้วยความที่เราไม่ใช่มืออาชีพ แต่เราพยายามบอกตัวเองว่าเราต้องทำได้นะ
ก่อนหน้านั้นก็ 4-5 ปีก่อนครูจะเอาเข้าค่าย ครูก็ต้องดูว่าเราเกเรมั้ย จะมีแฟนมีลูกมีผัวมั้ย ครูจะเสียหน้ามั้ยถ้าเอาเข้าค่าย มันเยอะเรื่องไปหมด ช่วง 4-5 ปีก่อนเข้าค่าย หญิงลีก็รับจ้างทั่วไป เป็นนักร้องตามงานวัด สมมติคนดังขึ้นเวที เราขึ้นเวทีทีหลังคนก็กลับหมดแล้ว มีคนดู 10 คนก็ต้องเต้น

ความลำบากตอนไม่ดังกับตอนดังมันต่างกัน ตอนไม่ดังมีคนดู 5-10 คนก็ต้องเล่น ได้เท่าไรก็เอา เพราะเราฝันอยากจะดัง วันหนึ่งที่เราดังแล้วเราห้ามเหนื่อย ห้ามบอกว่าเบื่อ ห้ามบอกว่าท้อ เพราะว่าเราอาสาที่จะมาอยู่ตรงนี้แล้ว แค่ดูแลตัวเองให้พักผ่อนได้ ค่อยๆ เคลียร์กับคน ให้เขาจัดการบริหารให้หน่อยเรื่องงาน เวลา ความลงตัว
ก่อนจะเข้าค่ายช่วงนั้นท้อตลอดค่ะ แต่ยังไงก็ต้องสมัครงานตรงนี้ให้ได้ก่อน ถ้าเขาจะไม่เอาก็อีกเรื่องนึง แต่ก่อนที่เราจะไปสมัครงานก็ฝึกฝนตัวเองก่อน คือหลายค่ายเพลงในประเทศไทย เราจะมีเป้าหมายไปค่ายไหน เราต้องสมัครทุกค่าย เพื่อที่ค่ายใดค่ายหนึ่งจะต้องเอาเรา แต่ด้วยความโชคดีที่ได้มาค่ายนึงทีเดียวเลยคือแกรมมี่ ครูสวัสดิ์พามาเลย ครูการันตีกับผู้บริหารคือคุณกริช ทอมมัส ว่าผมไม่ให้พี่ขาดทุน ซึ่งคุณกริชโอเค เชื่อใจอาจารย์สวัสดิ์”
ดังพลุแตก
เมื่อกลายเป็นศิลปินออกอัลบั้มชุดแรก “ขาขาวสาวลำซิ่ง” หญิงลีก็เล่าถึงสิ่งที่ไม่คาดคิด คือเพลงสุดท้ายกลายเป็นเพลงโปรโมตแทนเพลงที่ 2 “ตอนนั้นก็ทำเพลงโปรโมตคือเพลง “ขาขาวสาวลำซิ่ง” ตอนนั้นตลาดหมอลำซิ่งกำลังเฟื่องฟู หลายสังกัด หลายศิลปิน
ทีนี้เพลง “ขอใจเธอแลกเบอร์โทร” มันเหนือความคาดหมาย มันคือเพลงที่ 10 ไม่ได้เป็นเพลงโปรโมตตั้งแต่แรก เป็นเพลงประกอบอัลบั้ม แต่เนื่องจากฟีดแบ็กมาจากดีเจทั่วประเทศว่าเพลงนี้ดีนะ สนุกจังเลย ทำให้ผู้บริหารตัดสินใจโปรโมตเพลงที่ 10 ไม่ได้โปรโมตเพลงที่ 2 เพราะเพลงที่ 9-10 มา ซึ่งเพลงที่ 9 คือเพลง “หญิงลั้ลลา” เจ้านายเลยโปรโมตเพลง “ขอใจเธอแลกเบอร์โทร” โด่งดังภายใน 3 เดือน”
ถามว่าช่วงนั้นตั้งรับความดังของตัวเองยังไงบ้าง เพราะทุกอย่างมาอย่างรวดเร็ว ลูกทุ่งสาวบอกว่า “ตอนนั้นตั้งตัวแค่ว่าจะพูดยังไงให้รู้เรื่อง (หัวเราะ) จะตอบคำถามยังไงกับรายการนี้ พิธีกรคนนั้นดังจังเลย เราจะตอบคำถามเขายังไง คือเป็นความตกใจดัง เขาว่าเราดังเหรอ เราต้องวางตัวยังไง จะต้องพูดคำอะไร เราต้องไม่ตื่นตระหนก จะต้องจัดการบริหารตัวเองยังไงให้สมกับที่เขาบอกว่าเราดังก็ฮึบตัวเองขึ้นมา สู้นะๆ หญิงลี
แต่หญิงลีดีใจนะ เวลาเราเจอดาราเราก็ตื่นเต้น แล้วสุดท้ายเขาบอกว่าเราดังนี่หว่า แล้วเราต้องทำยังไง คนบอกว่าเราดังเท่าเขา มันเลยทำให้หญิงลีต้องวางตัว ไม่ใช่กะโหลกกะลาเด๋อด๋าไปก็ไม่ไหว หรือจะทำตัวเว่อร์มากไปก็ไม่ดีนะ เพราะเราก็เป็นนักร้องลูกทุ่งค่ะ”
ช่วงนั้นหญิงลีเผยว่ามีงานเข้ามาเยอะมากจนแทบไม่ได้พักเลยทีเดียว “ช่วงนั้นรับงานเยอะค่ะ วันละหลายงาน มีบางวันที่ทางผู้จัดเขาดูแลเรา เขาเหมาตั้งแต่หัวค่ำจนถึง 4-6 งาน มีวันแรงงานวันนึงที่รับ 6 งาน คือตั้งแต่ 10 โมง บ่าย 2 แล้วก็ 6 โมง 2 ทุ่ม 4 ทุ่ม เที่ยงคืน จนงานสุดท้ายเราไปไม่ได้ เวทีแทบถล่ม เขาจะพังเวที ซึ่งเป็นผู้จัดท่านเดียวกัน เขาอาสาว่าจะพาวิ่งให้ได้ แต่ด้วยความที่รถมันติดเลยไปไม่ทันค่ะ”